บันทึกการเดินทาง จากคนเดินเท้า เมื่อเราเดินไปในเส้นทางใหม่ เราจะทิ้งรอยเท้าไว้ให้ผู้ตาม
วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553
ไม่ว่าจะดูสิ้นหวังแค่ไหน...อย่าถอดใจเป็นอัดขาด
ผมได้เรียนรู้เรื่องนี้จากประสปการณ์จริง จึงนำมาแบ่งปันให้ท่านทั้งหลายได้ทราบก่อนอื่นก็ต้องขอเท้าความเล็กน้อยก่อน ว่าผมไม่เคยรู้สึกว่าใกล้ความตายเท่าครั้งนี้เลย
ดำน้ำ กิจกรรมชมความงามที่มีความเสี่ยง..
เรื่องราวมันเกิดเขึ้นเมื่อผมไปดำน้ำที่พัทยา เป็นทริปแรกในการดำเรือจมของผมเลยก็ว่าได้
ด้วย ความมือใหม่จึงยังใช้ฟินไม่คล่อง...ความคุมการจม-ลอย (Buoyancy Control)ที่ยังไม่ได้เรื่องกับเรื่องกายหายใจที่ยัง ใช้อากาศเปลืองมากด้วย
ครั้งแรกกับการลงความลึกถึง 31 เมตร ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวและความตื่นเต้นในการดำเรือจมทริปแรก
ขณะที่กำลังเพลินกับการดำชมรอบเรือครามและพยายามฝึกผายใจ โดยมีอาจารย์คอยถ่ายรูปให้ตามมุมต่างๆนั้น
เช็คอากาศในถังแล้ว เหลืออีก 50 อาจารย์บอกว่า ยังได้อยู่....
รู้ตัวอีกที่ อากาศเป็นศูนย์ หายใจไม่ได้ หันซ้าย ไม่เห็นใคร หันขวา ไม่เห็นใคร !!!
แว้งตัวกลับมองด้านหลัง ไม่เห็นใคร !!!!คิดในใจตายแน่แล้ว...
พยายามมองด้านหน้าก็ไม่เห็นใคร แต่จำได้ว่า..อาจารย์ไปทางด้านนี้ ...
พยายามหายใจเบาๆ ตีขาแร็วๆ ด้วยความหวังจะตามตามไปทันอาจารย์หรือใครสักคนข้างหน้า...บุ๊ม บุ๊ม..
วิสัยทัศน์ใต้น้ำก็มองเห็นได้ไม่ถึง 6 เมตร ทำไงดี...นี่ต้องมาตายอยู่ใต้ทะแลแบบนี้เหรอเนี้ยะเอี๊อก...ในที่สุด อากาศก็หมดถัง
ยังไม่เห็นใคร..คิดในใน ไม่รอดแน่แล้ว แม่ครับ พ่อครับ บาปบุญที่มีคงหมดลงเพียงแค่นี้แล้ว
นึกถึงคำสอนต่างๆ ที่พ่อเคยสอนไว้ว่าอย่ายอมแพ้ ท้อได้แต่อย่าถอย..เอาวะ ตีขามันไปเรื่อยๆ ...ในคอก็หวานเลือดขึ้นมาแล้ว ....
ขณะจิตนั้นเอง ...บอกตัวเองว่า ไม่ว่าจะดูสิ้นหวัง มืดมนหมดหนทางแค่ไหน ก็อย่าถอยใจ อย่าหยุดพยายามเป็นอันขาด
ขณะ ที่สมองเริ่มมึน หูอื้อแล้วนั้นแหละเห็นอาจารย์โผล่มาจากมุมเรือไกลๆ ตีขาสุดฤทธ์รู้ว่าจะให้อาจารย์ดูเกตวัดอากาศ ก็คงไม่ทันละ ตายก่อนแน่
ผมตีขาสุดชีวิด รู้ว่า ภายในไม่เกิด 5 วินาที ถ้าไม่ได้อากาศผมไม่รอดแน่(ความรู้นึ้เกิดจากการฝึกฝนกลั้นหายใจ ตามผระสาเด็กบ้านนอก)
พอตีขามาจะถึงตัวอาจารย์ ก็กระตุกหมดแรงแล้ว..อาจารย์ก็ยังคงไปเรื่อยๆ....
ฮึดอีกที...ตีฟิน อย่างเร็ว สองรอบ มือคว้าได้ ฟินอาจารย์ ในความรู้สึกว่ากระตุกให้อาจารย์รู้ตัว
แต่ ว่าขณะนั้น เรามันแย่แล้ว ด้วยความกลัวตาย ด้วยความไม่รู้สภาพของตัวเอง ดึงอาจารย์ที่น้ำหนักต่างกันเท่าตัว ถูกกระชากถอยหลังได้เลยแรงก็ไม่มี สัญญาณมือหรือ ลืมหมดแล้ว ทำได้อย่างเดียวคือโชว์เกตวัดอากาศให้อาจารย์ดู
ภาพที่อาจารย์ค่อยๆ ปลด Octopus มาให้หายใจ...นั้นช่างเชื่องช้าจริงๆ แต่อย่างน้อยก็รู้สึกว่าตัวเองรอดแล้ว...
เมื่อ รับ Regulator (Octopus) มาได้ ผมก็สูดหายใจแบบเต็มที่ ไปสามสี่รอบเพื่อ..รับอากาศเข้าสู่ร่างกาย หลังจากนั้นก็ อ้อมตัวเอง ไปอยู่ด้านหลัง
แล้วก็จับ สายแขวน BCD ของอาจารย์แล้วก็รอยตัวให้อาจารย์ลากไป.....
อาจารย์ พามาส่งถึงเชือกทุ่นก็ฝากให็คนอื่นพาขึ้นผิวน้ำ ...ส่วนอาจารย์ก็จะกลับไปดูศิษย์(เพื่อน)อาจารย์อีกคนที่ ลงมาดำด้วยกันในไดร์นี้ก่อน
หลังจากเปลี่ยน ไปใช้อากาศจากถังของคนที่อาจารย์ฝากแล้ว ผมก็เกาะแค่สาย BCD ให้เค้าลากขึ้นไปเหมือนเดิมความรู่สึกว่าพักน้ำที่ 5 เมตร นานมาก
ในที่สุดก็ถึงผิวน้ำ และกลับขึ้นเรือได้ บ้วนน้ำลายดู...
น้ำลายปนเลือดแดงๆ ตามที่คาดไว้รู้สึกดีใจกับชีวิตที่รอดมาได้รู้สึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่เป็นแรงบรรดาลใจให้ผมสู้
ขอบคุณคุณครูและขอบคุณตัวเอง ที่ไม่ถอยใจ..ไม่เช่นนั้น ผมคงไม่ได้โอกาสมานั่งถ่ายทอดความรู้สึกนี้แล้ว
ป้ายกำกับ:
คติสอนใจ,
ท่องเที่ยว วันหยุด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
2 ความคิดเห็น:
ดีใจกับครอบครัวของคุณด้วยที่ไม่เสียคุณไป ก่อนวัยอันควร เรื่องของคุณทำให้นึกถึงภาพยนต์ต่า่งประเทศเรื่อง THE MIST ข้อคิดที่ได้เหมือนที่คุณบอก คือ ไม่ว่าจะอย่างไร จะเลวร้ายแค่ไหน อย่ายอมแพ้ อย่าถอดใจ ตัุวเราเท่านั้นที่จะตัดสินชีวิตตัวเอง...ยินดีีต้อนรับการกลับมาสู่โลกใบนี้....
ขอบคุณมากครับ
กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ
ไม่ว่าจะทำอะำไร ถ้าขาดกำลังใจ ความเป็นไปได้ขาดไปด้วย
กลับกันไม่ว่ายากเย็นแค่ไหน ถ้ามีกำลังใจ ก็ใกล้ความสำเร็จเข้าไปทุกที
แสดงความคิดเห็น