มนุษย์เดินเดินกินข้าวแกง แก่งแย่งทำงาน
แต่ละวันๆ ผ่านไปกับการใช้ชีวิตในออฟฟิสมากกว่าครึ่งหนึ่งของชีวิต..ใช้เวลาแลกเงิน..
ใช้เงินซื้อความสะดวกสบาย ใช้จ่ายสิ่งของจำเป็น ที่สังคมลงความเห็นกันว่า...
ต้องมีให้เหมาะสมฐานะ ต้องใช้จ่ายให้เป็นหน้าเป็นตา ต้องพกพา Brand name เข้าสังคม ปั้นหน้า ดัดกริยา ไม่ให้ใครว่าได้...
ส่วนหนึ่งของมนุษย์เงินเดิน ที่ต้องใช้ความอดทน ความฝันในการปั่นงาน ทั้งวัน เพื่อเจียดเงินที่เหลือ ซื้อความลำบากใส่ตัว...
คนกลุ่มนี้ คือบรรดาเราๆ ท่านๆ ที่ สุดสัปดาห์ อยู่ติดเมือง นั่งรถไฟฟ้า ใส่เสื้อผ้าหรูๆ อยู่ในเมืองกันไม่ได้..
เพราะความรู้สึกภายใน มันเรียกร้องให้ออกไปสู่โลกกว้าง...
จึงต้องค้นหา จึงต้องเดินทาง นั่งรถหลังขดหลังแข็ง...ออกต่างจังหวัด
อัดกันอยู่ท้ายรถกะบะ ตากแดดร้อน หลังคอนไว้ด้วยเป้หนักๆ จุดหมายไม่ใช่เพื่อได้พัก แต่เพื่อได้ไปต่อ
รอสุดเส้นทาง พาหนะจะพาไปได้...คือจุดเริ่มต้นการเดินเท้า ปีนป่าย เพื่อจะไปให้ไกลขึ้น
ได้ยืนบนก้อนหินริมผา รับลมเย็นๆ ก็เป็นสุขใจ
ฟูจิ ซูชิ ซิสเลอร์ KFC ราเม็งดีๆ ไม่ใช่อาหารที่ต้องการในมื้อนี้...
เพียงแค่มี ข้าวสวยร้อนๆ จากหม้อสนาม..นั้งล้อมวงกับเพื่อนร่วมทาง..ซึ่งไม่อยากจำว่าเป็นไครทำงานอะไร ตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตแค่ไหน แค่เพื่อนร่วมทาง นั่งบนขอนไม้ ต้นหญ้า หรือจะกราวชี๊ตที่ขนาดผืนเพียงนิดจนนั่งกันไม่พอ..แค่นี้ก็อบอุ่นในหัวใจ...
เสียงเพลงที่เคยเพราะ ละครที่กำลังฮิต..เวลานี้ไม่มีสิทธิ์จะกวนใจ...ค่ำคืนไร้แสงสี..มีเพียงแสงริบหรี่จากกองไฟที่ปะทุวับแวมเป็นบางคราว... ขับกล่อมด้วยจักกะจั่นเรไร สลับไปกับหยาดน้ำ้ค้างร่วงจากใบไม้ ยจามต้องสายลมหนาว
ชุดนอนตัวโปรด....เตียงนุ่มๆ ผ้านวมหนาๆ ก็ขอลากันก่อนชั่วคราวคืนนี้เราขอหมักหมมอยู่ในชุดที่เดินป่ามาทั้งวัน...ชื่นไอน้ำกับกลิ่นเหงื่อ.. เจอด้วยกลิ่นควันไฟ... คืนนี้คงหลังสนิท
พรุ่งนี้ทางจะชันมาก หรือจะลำบากอีกแค่ไหน ไม่อาทร...
ฟ้าอาจไม่เปิด วิวสวยๆ อาจจะไม่ได้เห็น ดอกไม้อาจไม่บาน...อาหารอาจไม่อร่อย สิ่งที่คอยอยู่มีความเป็นไปได้แค่ความลำบากทางกาย...แต่ไม่ได้เสียใจเพราะการคาดหวัง มีแต่ความมุ่งหวังจะเดินหน้า เสาะหาความลำบากต่อไป...เพียงเพราะทุกครั้งที่ออกเดินไป มีความประทับใจ ความรู้สึกดีๆ และหลายๆ อย่างที่ได้เรียนรู้ มากกว่าอยู่สบายๆ อยู่ในเมือง....
Phoenix(13/3/2012)
ใจคนจร เรื่องราวของคนรอนแรม
บันทึกการเดินทาง จากคนเดินเท้า เมื่อเราเดินไปในเส้นทางใหม่ เราจะทิ้งรอยเท้าไว้ให้ผู้ตาม
วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555
วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
ทริปปลดหนี้#2 นอนแพไทรโยค
ออกจาก กรุงเทพ เมืองฟ้า จะปาไปบ้านทุ่ง ไปดู ฟักข้าว พื้ชที่ถ้าสาวๆ รู้สรรพคุณแล้วตาโตแน่นอน ก็อุดมไปด้วย แบตาแคโรทีน และไลโคฟืน
แวะกินขนมจีนน้ำยา(ปลาช่อน)
ที่บ้านศิษย์น้อง ที่นครชัยศรี...(คุยกันมาหล
ายปีจะได้เจอหน้ากันซะที)
แนะนำสมาชิก แล้วก็ ย้ายสมาชิกบางส่วนมานั่งรถไ ปกับศิษย์น้องด้วย (เด๋วขับรถคนเดียวจะเหงา)
แวะชมไร่ฟักข้าวที่ นครปฐม
สวนฟักข้าว เลยแยกบ้านแพ้วประมาณ 1 km เลี้ยวซ้ายทางไปทางศูนย์ราช การ 200 เมตร
ต้นหาในเว็บได้ข้อมูลแค่นี้ แหละ (เด่วขอติดต่อประสานงานอีกท ีนะ)
เผื่อใครอยากดูเกี่ยวกับฟัก ข้าว http://www.youtube.com/ watch?v=EbW69-VzBQ8
ถึงกาญจน์ หาซื้อของสด ไปทำกินกันที่แพ เข้าอช..ลงแพ ให้เค้าลากไปไว้ไกลผู้ไกลคน
จะได้มีมีคนร้องให้กลับ หรืออยากเพิ่มเมนูตอนดึก
ช่วยกันทำอาหาร เฮฮาหัวราน้ำ
สายๆ ออกจากแพ ไปเดินถ้ำ แล้วก็แช่น้พุร้อนหินตาด
เดินทางกลับ ...แวะหาขนมอย่อยๆ ที่องค์ปฐมเจดีย์
ค่าใช้จ่ายทริปนี้..หารเฉลี ่ย ตลอดทริปครับ
แวะกินขนมจีนน้ำยา(ปลาช่อน)
ที่บ้านศิษย์น้อง ที่นครชัยศรี...(คุยกันมาหล
แนะนำสมาชิก แล้วก็ ย้ายสมาชิกบางส่วนมานั่งรถไ
แวะชมไร่ฟักข้าวที่ นครปฐม
สวนฟักข้าว เลยแยกบ้านแพ้วประมาณ 1 km เลี้ยวซ้ายทางไปทางศูนย์ราช
ต้นหาในเว็บได้ข้อมูลแค่นี้
เผื่อใครอยากดูเกี่ยวกับฟัก
ถึงกาญจน์ หาซื้อของสด ไปทำกินกันที่แพ เข้าอช..ลงแพ ให้เค้าลากไปไว้ไกลผู้ไกลคน
จะได้มีมีคนร้องให้กลับ หรืออยากเพิ่มเมนูตอนดึก
ช่วยกันทำอาหาร เฮฮาหัวราน้ำ
สายๆ ออกจากแพ ไปเดินถ้ำ แล้วก็แช่น้พุร้อนหินตาด
เดินทางกลับ ...แวะหาขนมอย่อยๆ ที่องค์ปฐมเจดีย์
ค่าใช้จ่ายทริปนี้..หารเฉลี
วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
ทริปปลดหนี้#1 ปาย..ปางอุ๋ง @หมู่บ้านสันติชน
มื้อเช้ามื้อเที่ยงรวบไปเป็นข้าวขาหมูที่หมู่บ้านสันติชน เลยแล้วกัน
ถึงหมู่บ้านสันติชน..เป้าหมายแรกบุกตะลุยส่วนของร้านอาหารกันก่อนเลย
เมนูไม่ต้องแนะนำเพราะสมาชิกแต่ละคนหิวโหยกันได้ที่ เพราะเวลาตอนนี้ก็เที่ยงตรง
ต้มขขาหมู่ หมั่นโถ หมี่นโถทอด ไก่ผัดสมุนไพร ปลาทับทิมนึ่งยัดไปอย่างให้เหลือ
ว่องไวยิ่งกว่าไฟไหม้...อาหารทั้งหมดเกลี้ยงฉาดอย่างว่องไว...ยกเว้นต้มเปรี้ยว...ที่สมาชิกลงความเห็นว่ามะได้เปรี้ยว..เลยไม่มีคนเหลียวแล...
อิ่มท้องแล้วก็พาไปอิ่มบุญกันต่อ..ขอนำท่านตัดมาที่วัดน้ำฮู้...วัดนี้เป็นวัดดังของปาย ใครไปใครมาก็ต้องแวะมาไหว้พระทันใจ พระประธานประจำโบสถ์
วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
ทริปปลดหนี้#1 ปาย..ปางอุ๋ง @ห้วยน้ำดัง
ทริปปลดหนี้#1 ปาย..ปางอุ๋ง
หลลายคนคงสงสัยว่า..ทำไมทริปนี้จึงไม่มีการเปิดเพลง เปิดหนัง อีกทั้งยังไม่มีการแนะนำตัวสมาชิกอีก...
หลลายคนคงสงสัยว่า..ทำไมทริปนี้จึงไม่มีการเปิดเพลง เปิดหนัง อีกทั้งยังไม่มีการแนะนำตัวสมาชิกอีก...
สาเหตุมันมีที่มาครับ ไม่ใช่เพราะว่าหลงลืม แต่เป็นเพราะความใส่ใจและความไม่ใส่ใจในแบบของผมเอง
เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ในทริปนี้...เรียกว่าทั้งหมดก็ได้มั่ง เพราะนอกจากผมและหวาน(ที่ลากตัวมาช่วยจัดการเรื่องรถตู้และอาหาร)คนอื่นๆไม่เคยเดินป่า และไม่เคยออกทริป อีกทั้งยังไม่เคยไปด้วยกันเลย...จึงคิดว่าไม่ต้องแนะนำตัวดีกว่า ปล่อยให้ทุกคนเป็นตัวของตัวเอง ทำความรู้จักกันเอง
และไม่ต้องการให้เวลาในการดูหนัง หรือฟังเพลงมาบดบังโอกาสที่จะได้ชื่นชมกับธรรมชาติสองข้างทาง ใครจะขัดใจไปบ้างก็ช่างละ
ที่เรียกทริปนี้ว่าเป็นทริปปลดหนี้...เพราะว่าค้างสัญญากับสมาชิกคนหนึ่งของทริป เรียกว่าทริปนี้จัดขึ้นมาเพราะว่าสมาชิกคนนี้แหละโดยเฉพาะ...ก็เพราะเป็นสัญญาที่ยาวนานและการทวงกันต่อเนื่องตลอดจตุปี จนปีนี้เพิ่งจะได้โอกาสจัดการให้แล้วเสร็จ...
ทริปนี้ทะลักทุเล ด้วยการจัด Event facebook แบบปิด ก็ไม่คิดว่าสมาชิกที่บอกว่าจะไปด้วย จะติดภาระอย่างอื่นกระทันหัน ไปกันไม่ได้ซะครึ่งหนึ่ง...เหลือสมาชิกเดินทางจริงๆ แค่ 5 เอาละสิ ทริปนี้จะสู้ค่ารรถกันไหวไหม...
คำนวนโน่น นี่นั่น ค่ารถ+ค่าน้ำมันก็ปาเข้าไปร่วม 16,000 บาทเข้าไปแล้ว นี่ยังมีค่ากินค่าที่พักอีก..จะหมดกันคนละกี่เงินละนี่...
ยังดีที่ นอกจาก 5 คนที่ว่า ยังมีพงษ์ มาช่วยหารค่ารถอีกสองวัน เพราะจะแยกตัวกลับในบ่ายวันอาทิตย์
....
...
หลังจากพยายามชวนคนโน่นคนนี้ ประมวลข่าวสถานะการณ์รายวัน ที่หวันๆ เพราะเชียงใหม่ฝนตกยาวมาเป็นสัปดาห์แล้ว...
ในที่สุดก่อนวันเดินทางฝนยังตกอยู่ พญาเสือโคร่ง..ทุกจุด โรยหมดแล้ว...(โปรแกรมแวะล่าเสือเรางดไป)
ข่าวดีเริ่มมีมา...สมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 1 คน นอกจากนั้นยังมี...อีกสองคนที่ขอติดอาศัยรถไปลงปายช่วยหารค่าน้ำมันได้อีกส่วนหนึ่ง...เย่ๆ ความหวัง 3,500 บาทต่อหัว เริ่มริบหรี่(จากที่เป็นไปไม่ได้)
ท้ายที่สุดวันเดินทาง...ขลุกขลักอีกแล้ว เมื่อผมไม่สามารถเดินทางไปยังจุดนัดหมาย Big C สะพานควายได้ ต้องวานให้ผู้อาศัยติดรถไปปาย( Nu_VEE และRainbow ช่วยเก็บเพื่อนมือใหม่ที่ยังไม่เคยเดินทางขึ้นรถหน่อย...
หลังจากโดนน้องก่นด่าพองาม (ตามความสนิท) และเพื่อนโวยวายที่เราไม่ไปตามนัด...เออท้ายที่สุดมันก็ประสานงานกันขึ้นรถได้ละวะ...
รถมาถึงก็ส่งเป้และของใช้...จำเป็นในทริปนี้(ที่ช้าก็เพราะจัดการของพวกนี้อยู่นั่นแหละ หม้อสุกี้ แก๊ส ตะเกียงพร้อม..
เป้าหมายต่อไป รับพงษ์ ที่ ตรงข้ามรังสิต เห็นสภาพการยืนรอแล้วก็น่าเห็นใจ ก็คนไม่เคยไปไหนมาตรงเวลา ก็เน๊าะรอนานหน่อย(ขอโทษคับผมผิดเอง)
lotus บางปะอิน รับเบียร์ แล้วก็ต่อด้วยเข้าไปเก็บเพื่อนใหม่อีกคนจากที่บ้าน
สมาชิกเราก็ครบละได้เวลาเดินทาง....
วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ทริปรับลมหนาว เที่ยวม่อนแจ่ม นอนดอยอิน กินสตอเบอรี ฟ้าโปร่งดีระเบียงดาว
ทริปนั่งรถแดงแอ๋วเชียงใหม่ตามล่าหาแม่คะนิ้ง 25-29 พย 2554
เปิดทริปรับลมหนาว ด้วยการ ขึ้นสามดอยฮิต
อินทนนท์ อ่างขาง หลวงเชียงดาว
การเดินทาง กทม- เชียงใหม่ รถบัส บขส
ตระเวณเที่ยวเชียงใหม่ ด้วยการเหมารถแดง....
หลังจากถึงเชียงใหม่ เป้าหมายแรก ไปม่อนแจ่มๆๆๆๆ ไปดูสิที่เค้าว่าแหล่ม มันเป็นยังไง
อินทนนท์ อ่างขาง หลวงเชียงดาว
การเดินทาง กทม- เชียงใหม่ รถบัส บขส
ตระเวณเที่ยวเชียงใหม่ ด้วยการเหมารถแดง....
หลังจากถึงเชียงใหม่ เป้าหมายแรก ไปม่อนแจ่มๆๆๆๆ ไปดูสิที่เค้าว่าแหล่ม มันเป็นยังไง
24 พย 2554
21.30 ออกจากหมอชิต รถบขส ม.4ข ชั่นล่าง นะจ๊ะ คนละ 543 จ่ายที่นางฟ้าลุ้ย
เสาร์ 25 พย 2554
...... ถึงเชียงใหม่ นัดลุงชุ่ม ไปรับที่อาเขต เจ้าของรถแดงมืออาชีพ (วันละ 1300 เติมน้ำมันเอง) มีเต๊นท์และอุปกรณ์ครัวให้เราด้วย น่ารักมากไม่ต้องหอบเต๊นท์ไปนะ เอาถุงนอน เครื่องกันหนาวไปเอง
ไปถึง แต่เช้ามืด ลุงชุมบอกว่า มีแม่คะนิ้งด้วยแหละช่วงนี้ ถ้าจาขึ้นไปดูแต่เช้าก็ทัน ลุงบอกว่าแล้วแต่เราว่า จาไปเก็บแม่คะนิ้ง ชมอาทิตย์ขึ้นเลยก็ทัน หรือเราจาเที่ยวข้างล่างดูอาทิตย์ขึ้นตรงไหนไปก่อนก็ด้ แล้วเที่ยวม่อนแจ่ม แม่กลางหลวง หรืออารายก็ได้ อ้อ..ทริปนี้เรามีไกด์ท้องถิ่น เป็นหนุ่มหน้าตาดี จิตใจอาสา ด้วยน้า แล้วแต่ไกด์จาพาไป เที่ยวๆๆๆแล้วขึ้นไปนอนดิยอินทนนท์
อาทิตย์ 26 พย 2554
เช้า สายๆ จิบกาแฟ ถ่ายรูปหน่ำใจ แล้วมาไปอ่างข่าง แวะเที่ยวเรื่อยเปื่อย ตลอดทาง ร้ายของกินข้างทาง ร้านกาแฟเก๋ๆด้วย นอนอ่างข่าง ที่นอนก็แล้วแต่ วาสนาที่เราทำร่วมกันมา คงไม่พ้นเต๊นท์นั่นแหละ
จันทร์ 27 พย 2554
เช้ามาเก็บตะวันดวงเดิม อยากไปบ้านขอบดง ไร่ สตอ อีก ใครว่าไง เที่ยวพอแล้วก็ลงมาอ.เชียงดาว เพื่อไปบ้านระเบียงดาว
เย็นนี้เราต้องร่ำลาเพื่อนร่วมทริป 1 สาว เพื่อนอ้อ ต้องกลับไปดูแลคนไข้ก่อน ส่งเพื่อน ขึ้นรถ จากอ.เชียงดาว กลับ กทม
คืน นี้ นอนนับดาวที่บ้านระเบียงดาว ได้บ้านหลังใหญ่ มีระเบียงใหญ่นั่น ลุงนิคม คิดค่าหัว คนละ 300 บาท รวมอาหาร 2 มื้อ เย็น และ เช้า
อังคาร 28 พย 2554
ตื่นมา บ้า เก็บตะวันเหมือนไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์เช่นเดิม ขอให้โชคดีฟ้าเปิด แสงทองสาดด้วยเทิดดดดด แห้วมาทีละ
ใคร จะลงไปเดินเก็บภาพแนวไลฟ์ ในหมู่บ้านก็ไป เตรียมขนมไปแจกเด้กด้วยนะ ลาระเบียงดาวลงมาหาอะไรทานกลางวันใน อ.เชียงดาว แล้ว ซิ่งกลับเชียงใหม่ จองรถกลับบ้าน จากนั้น.... แล้วแต่เวลาอำนวย ว่าเราไปไหน ทำอะไรต่อได้บ้าง วัด เจย์ดีสี ทองๆสวยๆ อยากไปถ่ายรุป ถ้ามีเวลานะ ได้เวลา ก็กลับมาอาเขต
................................................. Polla Travel
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ค่ารถแดง 4 วัน 1300 x 4 = 5200
ค่าน้ำมันรถ 4 วัน ประมาณ 2500 บาท
ค่าบ้านระเบียงดาว อาหาร 2 มื้อเย็น/เช้า หัวละ 300 x 6 = 1800
รวม เบื้องต้น 9500 /6 = คนละ 1584 บาท
ก็เหลือ ค่าที่กางเต๊นท์ ดอยอิน+อ่างข่าง +ค่ากิน นะจ๊ะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
- นุ๊ก และเพื่อน คนละ 500 บาท
- พี่เซ็ง 500 บาท
- กอล์ฟ 1,000 บาท
..................................
ค่าใช้จ่าย
ค่ารถ 1,300 บาท x4 วัน = 5,200
ค่าน้ำมัน 2,520 บาท
ค่าที่พักระเบียงดาว 6 คน 300x6 = 1800
ค่าเข้าศูนย์เกษตรอ่างขาง 400 บาท
ที่เหลือค่ารับประทาน ล้วนๆๆๆๆๆๆๆ 2 วันแรกหนักไปทางค่าอาหาร ส่วน 2 วันสุดท้าย หมดไปกะกาแฟซะเยอะ ..อิอิ
รับประทานไรไปบ้างรายละเอียดอยู่กะน้องหวานนะจ๊ะ
***************************************************
วันสุดท้าย พี่เต้ รถแดง พาแอ๋วเชียงใหม่ จองตั๋วรถกลับ แล้วไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ กะ วัดสิงห์ พาไปทานข้าวต้มริมคูเมือง
แล้วส่งขึ้นรถทัวร์ 19.00 น. ถึงได้แยกทางกันไป
ตั้งใจจาให้ tip พี่เต้ ซัก 500 แต่ไม่มีตังค์กองกลางเหลือ ใช้กันได้หมดเกลี้ยงพอดีเด๊ะ เลยใส่เพิ่มให้ 300 รวมกะค่ารถเป็น
5,500 บาท พี่แกใจเย็นดี ไม่มีบ่น ขึ้นเขากันทุกวัน แนะนำต่อได้ 089-5573121
*******************************************
ขอบคุณ
ข้อมูลทริปจากพี่หนูบิว http://www.facebook.com/note.php?note_id=298604213494896
21.30 ออกจากหมอชิต รถบขส ม.4ข ชั่นล่าง นะจ๊ะ คนละ 543 จ่ายที่นางฟ้าลุ้ย
เสาร์ 25 พย 2554
...... ถึงเชียงใหม่ นัดลุงชุ่ม ไปรับที่อาเขต เจ้าของรถแดงมืออาชีพ (วันละ 1300 เติมน้ำมันเอง) มีเต๊นท์และอุปกรณ์ครัวให้เราด้วย น่ารักมากไม่ต้องหอบเต๊นท์ไปนะ เอาถุงนอน เครื่องกันหนาวไปเอง
ไปถึง แต่เช้ามืด ลุงชุมบอกว่า มีแม่คะนิ้งด้วยแหละช่วงนี้ ถ้าจาขึ้นไปดูแต่เช้าก็ทัน ลุงบอกว่าแล้วแต่เราว่า จาไปเก็บแม่คะนิ้ง ชมอาทิตย์ขึ้นเลยก็ทัน หรือเราจาเที่ยวข้างล่างดูอาทิตย์ขึ้นตรงไหนไปก่อนก็ด้ แล้วเที่ยวม่อนแจ่ม แม่กลางหลวง หรืออารายก็ได้ อ้อ..ทริปนี้เรามีไกด์ท้องถิ่น เป็นหนุ่มหน้าตาดี จิตใจอาสา ด้วยน้า แล้วแต่ไกด์จาพาไป เที่ยวๆๆๆแล้วขึ้นไปนอนดิยอินทนนท์
อาทิตย์ 26 พย 2554
เช้า สายๆ จิบกาแฟ ถ่ายรูปหน่ำใจ แล้วมาไปอ่างข่าง แวะเที่ยวเรื่อยเปื่อย ตลอดทาง ร้ายของกินข้างทาง ร้านกาแฟเก๋ๆด้วย นอนอ่างข่าง ที่นอนก็แล้วแต่ วาสนาที่เราทำร่วมกันมา คงไม่พ้นเต๊นท์นั่นแหละ
จันทร์ 27 พย 2554
เช้ามาเก็บตะวันดวงเดิม อยากไปบ้านขอบดง ไร่ สตอ อีก ใครว่าไง เที่ยวพอแล้วก็ลงมาอ.เชียงดาว เพื่อไปบ้านระเบียงดาว
เย็นนี้เราต้องร่ำลาเพื่อนร่วมทริป 1 สาว เพื่อนอ้อ ต้องกลับไปดูแลคนไข้ก่อน ส่งเพื่อน ขึ้นรถ จากอ.เชียงดาว กลับ กทม
คืน นี้ นอนนับดาวที่บ้านระเบียงดาว ได้บ้านหลังใหญ่ มีระเบียงใหญ่นั่น ลุงนิคม คิดค่าหัว คนละ 300 บาท รวมอาหาร 2 มื้อ เย็น และ เช้า
อังคาร 28 พย 2554
ตื่นมา บ้า เก็บตะวันเหมือนไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์เช่นเดิม ขอให้โชคดีฟ้าเปิด แสงทองสาดด้วยเทิดดดดด แห้วมาทีละ
ใคร จะลงไปเดินเก็บภาพแนวไลฟ์ ในหมู่บ้านก็ไป เตรียมขนมไปแจกเด้กด้วยนะ ลาระเบียงดาวลงมาหาอะไรทานกลางวันใน อ.เชียงดาว แล้ว ซิ่งกลับเชียงใหม่ จองรถกลับบ้าน จากนั้น.... แล้วแต่เวลาอำนวย ว่าเราไปไหน ทำอะไรต่อได้บ้าง วัด เจย์ดีสี ทองๆสวยๆ อยากไปถ่ายรุป ถ้ามีเวลานะ ได้เวลา ก็กลับมาอาเขต
................................................. Polla Travel
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ค่ารถแดง 4 วัน 1300 x 4 = 5200
ค่าน้ำมันรถ 4 วัน ประมาณ 2500 บาท
ค่าบ้านระเบียงดาว อาหาร 2 มื้อเย็น/เช้า หัวละ 300 x 6 = 1800
รวม เบื้องต้น 9500 /6 = คนละ 1584 บาท
ก็เหลือ ค่าที่กางเต๊นท์ ดอยอิน+อ่างข่าง +ค่ากิน นะจ๊ะ
สรุปว่า เก็บกองกลางคนละ 2000 ก่อน โอเคมั้ย เหลือกินให้หมด เอ๊ย คืน น่าจะพอไม่น่าเก็บเพิ่มนะไม่รวมค่าเดินทาง กทม-เชียงใหม่ นะจ๊ะ ไปกลับก็น่าจะพันนิดๆๆ รวมทริปนี้ 4 วัน 3 คืน ก็ 3 พันหน่อยๆ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
สรุปค่าใช้จ่ายแบบคราวๆ เพราะ บัญชีตาหวานยังวุ่นกะบ้านและสระน้ำในบ้านเพื่อนร่วมระหว่างทาง
ค่าทริปนี้ 4 วัน 3 คืน กองกลาง 2000 บาท เก็บเพิ่ม 500 บาท ( เว้น ลุ้ย ไม่ได้กลับด้วย เก็บ เพิ่ม 300 บาท)
ค่ารถทัวร์ไป-กลับ 1,000 บาท รวมคนละ 3,500 บาท
- นุ๊ก และเพื่อน คนละ 500 บาท
- พี่เซ็ง 500 บาท
- กอล์ฟ 1,000 บาท
..................................
ค่าใช้จ่าย
ค่ารถ 1,300 บาท x4 วัน = 5,200
ค่าน้ำมัน 2,520 บาท
ค่าที่พักระเบียงดาว 6 คน 300x6 = 1800
ค่าเข้าศูนย์เกษตรอ่างขาง 400 บาท
ที่เหลือค่ารับประทาน ล้วนๆๆๆๆๆๆๆ 2 วันแรกหนักไปทางค่าอาหาร ส่วน 2 วันสุดท้าย หมดไปกะกาแฟซะเยอะ ..อิอิ
รับประทานไรไปบ้างรายละเอียดอยู่กะน้องหวานนะจ๊ะ
***************************************************
วันสุดท้าย พี่เต้ รถแดง พาแอ๋วเชียงใหม่ จองตั๋วรถกลับ แล้วไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ กะ วัดสิงห์ พาไปทานข้าวต้มริมคูเมือง
แล้วส่งขึ้นรถทัวร์ 19.00 น. ถึงได้แยกทางกันไป
ตั้งใจจาให้ tip พี่เต้ ซัก 500 แต่ไม่มีตังค์กองกลางเหลือ ใช้กันได้หมดเกลี้ยงพอดีเด๊ะ เลยใส่เพิ่มให้ 300 รวมกะค่ารถเป็น
5,500 บาท พี่แกใจเย็นดี ไม่มีบ่น ขึ้นเขากันทุกวัน แนะนำต่อได้ 089-5573121
*******************************************
ขอบคุณ
- เพื่อนนุ๊ก อำนวยความสะดวกเรื่องที่พักทั้งที่ อ่างขางและ ดอยอินทนนท์
- อน..... อย่างที่รู้กันนะ คริคริ
- เพื่อนอ้อ เลี้ยงกาแฟเพื่อนๆและน้องๆที่เชียงดาว (ไม่รู้เต็มใจป่าวแต่เสร็จโจรไปละ)
มีเพื่อนจะเดินตามรอย สรุปโปรแกรมทริปนี้นะ
day1
7.30 ถึงเชียงใหม่ นัดรถแดงมารอรับ ขึ้นม่อนแจ่ม- โครงการหลวงหนองหอย - ถึงดอยอินทนนท์ ค่ำ
day 2
5.30 ตื่นไปรอดวงอาทิตย์ที่กิ่วแม่ปาน -เดินเส้นกิ่วแม่ปาน - ตียาวไปอ่างขาง ถึงค่ำๆเหมือนเดิม
day3
ตื่นสายๆ ไปเดินเที่ยวในอ่างขาง บ้านนอแร ขอบด้ง - เชียงดาว- บ้านระเบียงดาว เกือบค่ำ
day 4
6.00 รอแสงสาดจากยอดเขาเชียงดาว เกือบๆ 11 โมงลงมาเชียงใหม่ - เชียงใหม่ ดอยสุเทพ วัดสิงห์
19.00 ขึ้นรถกลับ กทม
ข้อมูลทริปจากพี่หนูบิว http://www.facebook.com/note.php?note_id=298604213494896
วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
10-23-2011 ตามหาหัวน้ำคลองมหาสวัสดิ์
จริง ๆ แล้ว การร่วมภารกิจกับ กล่มนักเดินป่าอาสากู้ภัย ผมก็ร่วมทำงานกันมานานแล้วละ แต่ว่าเพียงแค่เป็นคนประสานงาน
มาวันนี้ ได้มีโอกาสเข้าไปร่วม พูดคุยในเรื่องการทำงานและได้รับโอกาสให้ออกสำรวจ ร่วมกลับกลุ่มในการตามหาแนวที่ต้องเฝ้าระวัง(คาดว่าจะมีน้ำทะลัก หรือเกิดภัยพิบัติต่อไป)
Mission I หมายถึงการที่ผมเข้าไปร่วมงานภาคสนามกับกลุ่มเป็นครั้งแรก(คงไม่ต้องบอกนะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของกลุ่ม)ในการพูดคุย กำหนดพื้นที่และขั้นตอนการทำงานก่อนออกสำรวจ เราได้เลือก ฝั่งตะวันตกของเจ้าพระยา เป็นพื้นที่ทำการ ใช้สมาคมชาวปักษ์ใต้เป็นฐาน โดนได้รับการสนับสนุน จากพี่แหม่มซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ สมาคมชาวปักษ์ใต้ เป็นคนประสานงานอนุญาตในการใช้พื้นที่
ก่อนอื่นขออธิบายถึงสาเหตุการเลือกพื้นที่ก่อน
เหตุผลที่เลือกพื้นที่ ฝั่งตะวันตก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีสมาชิกหลายคน รู้จักพื้นที่ดี ไม่ว่าจะเป็น พี่ต้าร์ (เจ้าของเว็บ Trekkingthai.com) พี่แจง( ทานตะวัน nature.org/)พี่บอย (ทาซานบอย tazanture.com) และเพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่ในพื้นที่
นอกจากเหตุผลทางด้านกำลังพลแล้ว ยังมีเหตุผลทางด้านภูมิศาสตร์หรือเข้าใจง่ายๆ คือ พื้นที่ฝั่งตะวันตก มีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมได้งาน ทำไมนะเหรอ ไปเปิดดูแผนที่สิครับ แนวฝั่งตกวันตก คลองพับไปพับมา แล้วน้ำที่ทะลักมามากๆ มันจะไหลทันได้ไง บ้านเรือนใครอยู่ใกล้ ก็เจอน้ำทะลักเข้าไปเป็นธรรมดา
หลังจากกำหนดพื้นที่แล้วก็ต้องมีการเตรียมการ
ก็ต้องเตรียมทั้งกำลังพล และกำลังข้อมูล การออกสำรวจครั้งนี้ก็คือการออกสำรวจเก็บข้อมูลความเสี่ยงครับ
แนวการออกสำรวจของเรา ตั้งแต่ ศาลายา คลองมหาสวัสดิ์ จนถึงลำน้ำเจ้าพระยา ในฝั่งฟากตะวันตกนะครับ
การสำรวจแบ่งออกเป็นสองทีม
ทีมที่หนึ่งนำทีมโดย พี่ต้าร์ พี่ป้อ พี่บอย สำรวจตั้งแต่แนว ถนนเส้นเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข9)ตามลำคลอง ประตูน้ำ ไปจนถึงศาลายา
ทีม ที่สอง นำทีมโดยน้องโอ(ทาซานทีม) พี่แจง หวาน วัต(หน่วยดูแลหัวใจ) โดยมีผมตามไปเก็บภาพ สำรวจ ตั้งแต่ถนนเส้นเพชรเกษม คลองมหาสวัสดิ์ จรัญสนิทวงศ์ ถนนนครอินทร์ จนถึงริมเจ้าพระยา (สะพานพระราม 5)
ก่อนอื่น ทำความเข้าใจกับคำว่า "หัวน้ำ" ก่อนดีกว่า
หัวนี้ คืออะไร มีลักษณะอย่างไร หลายๆ คนอาจงง
ถ้าเราเปรียบ ลำน้ำ เหมือนงู ปกติของงูจะเลื้อยไปทางหัว แม่น้ำก็ ไหลไปออกทะเล ที่ปากแม่น้ำ
ดังนั้น หัวน้ำ คือ จุดที่น้ำได้ผ่านแนวป้องกันเข้ามาแล้ว
หัว น้ำ(ที่เราตามสำรวจ)มีลักษณะ เป็น น้ำผุด หรือไหลผ่านช่องที่อยู่ในแนวที่ขาดความมั่นคงของแนวกั้น(ซึ่งจะทำให้แนวกั้น พังในอนาคต) เอาละ เด๋วจะอธิบายใน ประกอบรูปแล้วกันครับ
เริ่มกันที่จุดคลองมหาสวัสดิ์
จะสังเกตุจากภาพอื่นๆ ได้ว่า แนวระดับน้ำได้สูงกว่าระดับปกติ จนท่วมแนวทางเดินแล้ว
เดิน ไปดูแถวแนวท่อ ซึ่งได้วางเครื่องสูบน้ำ สูบกลับเข้าคลอง ระดับน้ำในท่อ ต่ำกว่าผิวถนน แต่สังเกตุ น้ำที่ซึมออกจาก ข้างๆ ท่อ และไหลกลับลงท่อ ความหมายว่า น้ำได้ซึมเข้าสู้พื้นดิน จนเต็มแล้วก็ไหลย้อนขึ้นด้านบน ออกตามแนวแตกของคอนกรีต (ไหลกลับลงท่อ เพราะในท่อมีการสูบน้ำ) ลักษณะอย่างนี้คือหัวน้ำ ได้มุดลอดไต้แนวกั้นและ พร้อมจะเข้าท่วมบ้านเรือนแล้ว ถ้ามีปริมาณน้ำเพิ่ม หรือเครื่องสูบทำงานไม่ทัน ก็จะท่วมทันที
น้ำก็มุดผ่านแนวกั้นมาแล้ว ชาวบ้านช่วยกันอุด ช่วยกันกั้น แต่ คาดกว่าจะรักษาไว้ได้อีกไม่นานครับ
จากการสำรวจของทีม 2 พบว่า จุดที่มีความเสี่ยงมีสองจุด คือ จุด ซอยสวนผัก 32 ซึ่งอยู่ใต้แนวคลองมหาสวัสดิ์ เนื่องจากระดับน้ำได้ซึมผ่านแนวกั้นถาวรเข้ามาสู่ พื้นดินแล้ว
และจุดที่ 2 คือ บริเวณรางรถไฟ ท้ายซอย จรัญฯ 75 ก็พบน้ำผุดขึ้นจากผิวถนน สะท้านให้เห็นว่า เหลือเวลาอีกไม่นาน น้ำจะทะลักแน่นอน
มาวันนี้ ได้มีโอกาสเข้าไปร่วม พูดคุยในเรื่องการทำงานและได้รับโอกาสให้ออกสำรวจ ร่วมกลับกลุ่มในการตามหาแนวที่ต้องเฝ้าระวัง(คาดว่าจะมีน้ำทะลัก หรือเกิดภัยพิบัติต่อไป)
Mission I หมายถึงการที่ผมเข้าไปร่วมงานภาคสนามกับกลุ่มเป็นครั้งแรก(คงไม่ต้องบอกนะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของกลุ่ม)ในการพูดคุย กำหนดพื้นที่และขั้นตอนการทำงานก่อนออกสำรวจ เราได้เลือก ฝั่งตะวันตกของเจ้าพระยา เป็นพื้นที่ทำการ ใช้สมาคมชาวปักษ์ใต้เป็นฐาน โดนได้รับการสนับสนุน จากพี่แหม่มซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ สมาคมชาวปักษ์ใต้ เป็นคนประสานงานอนุญาตในการใช้พื้นที่
ก่อนอื่นขออธิบายถึงสาเหตุการเลือกพื้นที่ก่อน
เหตุผลที่เลือกพื้นที่ ฝั่งตะวันตก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีสมาชิกหลายคน รู้จักพื้นที่ดี ไม่ว่าจะเป็น พี่ต้าร์ (เจ้าของเว็บ Trekkingthai.com) พี่แจง( ทานตะวัน nature.org/)พี่บอย (ทาซานบอย tazanture.com) และเพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่ในพื้นที่
นอกจากเหตุผลทางด้านกำลังพลแล้ว ยังมีเหตุผลทางด้านภูมิศาสตร์หรือเข้าใจง่ายๆ คือ พื้นที่ฝั่งตะวันตก มีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมได้งาน ทำไมนะเหรอ ไปเปิดดูแผนที่สิครับ แนวฝั่งตกวันตก คลองพับไปพับมา แล้วน้ำที่ทะลักมามากๆ มันจะไหลทันได้ไง บ้านเรือนใครอยู่ใกล้ ก็เจอน้ำทะลักเข้าไปเป็นธรรมดา
หลังจากกำหนดพื้นที่แล้วก็ต้องมีการเตรียมการ
ก็ต้องเตรียมทั้งกำลังพล และกำลังข้อมูล การออกสำรวจครั้งนี้ก็คือการออกสำรวจเก็บข้อมูลความเสี่ยงครับ
แนวการออกสำรวจของเรา ตั้งแต่ ศาลายา คลองมหาสวัสดิ์ จนถึงลำน้ำเจ้าพระยา ในฝั่งฟากตะวันตกนะครับ
การสำรวจแบ่งออกเป็นสองทีม
ทีมที่หนึ่งนำทีมโดย พี่ต้าร์ พี่ป้อ พี่บอย สำรวจตั้งแต่แนว ถนนเส้นเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข9)ตามลำคลอง ประตูน้ำ ไปจนถึงศาลายา
ทีม ที่สอง นำทีมโดยน้องโอ(ทาซานทีม) พี่แจง หวาน วัต(หน่วยดูแลหัวใจ) โดยมีผมตามไปเก็บภาพ สำรวจ ตั้งแต่ถนนเส้นเพชรเกษม คลองมหาสวัสดิ์ จรัญสนิทวงศ์ ถนนนครอินทร์ จนถึงริมเจ้าพระยา (สะพานพระราม 5)
ก่อนอื่น ทำความเข้าใจกับคำว่า "หัวน้ำ" ก่อนดีกว่า
หัวนี้ คืออะไร มีลักษณะอย่างไร หลายๆ คนอาจงง
ถ้าเราเปรียบ ลำน้ำ เหมือนงู ปกติของงูจะเลื้อยไปทางหัว แม่น้ำก็ ไหลไปออกทะเล ที่ปากแม่น้ำ
ดังนั้น หัวน้ำ คือ จุดที่น้ำได้ผ่านแนวป้องกันเข้ามาแล้ว
หัว น้ำ(ที่เราตามสำรวจ)มีลักษณะ เป็น น้ำผุด หรือไหลผ่านช่องที่อยู่ในแนวที่ขาดความมั่นคงของแนวกั้น(ซึ่งจะทำให้แนวกั้น พังในอนาคต) เอาละ เด๋วจะอธิบายใน ประกอบรูปแล้วกันครับ
เริ่มกันที่จุดคลองมหาสวัสดิ์
จะสังเกตุจากภาพอื่นๆ ได้ว่า แนวระดับน้ำได้สูงกว่าระดับปกติ จนท่วมแนวทางเดินแล้ว
เดิน ไปดูแถวแนวท่อ ซึ่งได้วางเครื่องสูบน้ำ สูบกลับเข้าคลอง ระดับน้ำในท่อ ต่ำกว่าผิวถนน แต่สังเกตุ น้ำที่ซึมออกจาก ข้างๆ ท่อ และไหลกลับลงท่อ ความหมายว่า น้ำได้ซึมเข้าสู้พื้นดิน จนเต็มแล้วก็ไหลย้อนขึ้นด้านบน ออกตามแนวแตกของคอนกรีต (ไหลกลับลงท่อ เพราะในท่อมีการสูบน้ำ) ลักษณะอย่างนี้คือหัวน้ำ ได้มุดลอดไต้แนวกั้นและ พร้อมจะเข้าท่วมบ้านเรือนแล้ว ถ้ามีปริมาณน้ำเพิ่ม หรือเครื่องสูบทำงานไม่ทัน ก็จะท่วมทันที
ระดับน้ำ ริมเจ้าพระยา สะพานพระราม 5 |
ระดับน้ำ ริมเจ้าพระยา สะพานพระราม 5 |
แถววัดสังฆทาน ก็น้ำกำลังเข้า |
แถววัดสังฆทาน ก็น้ำกำลังเข้า |
เดือดร้อนด้วย |
ติดตามสถานะการณ์ |
คลองทหาสวัสดิ์ |
แนวถนน เรียบ รางรถไฟ ท้ายซอยจรัญ 75 |
ระดับน้ำริมรางรถไฟ |
ระดับน้ำใต้รางรถไฟ บริเวณสะพานรางรถไฟ |
น้ำก็มุดผ่านแนวกั้นมาแล้ว ชาวบ้านช่วยกันอุด ช่วยกันกั้น แต่ คาดกว่าจะรักษาไว้ได้อีกไม่นานครับ
จากการสำรวจของทีม 2 พบว่า จุดที่มีความเสี่ยงมีสองจุด คือ จุด ซอยสวนผัก 32 ซึ่งอยู่ใต้แนวคลองมหาสวัสดิ์ เนื่องจากระดับน้ำได้ซึมผ่านแนวกั้นถาวรเข้ามาสู่ พื้นดินแล้ว
และจุดที่ 2 คือ บริเวณรางรถไฟ ท้ายซอย จรัญฯ 75 ก็พบน้ำผุดขึ้นจากผิวถนน สะท้านให้เห็นว่า เหลือเวลาอีกไม่นาน น้ำจะทะลักแน่นอน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)