วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

Day Three ขึ้นยอดภูเขาไฟ Batur ดูวัด Basakin ไปนอน Klungkung



หลังจากที่ออกจากวัดน้ำพุศักดิ์สิทธ์เมื่อวาน เราต้องต้องรีบเดินทางต่อไปยัง ทะเลสาบบาตู ซึ่งคนขับรถอยากให้เราไปถึงก่อนค่ำ แต่ด้วยความที่เรามัวแต่ถ่ายรูปกันนานไปหน่อย ก้เลยต้อง ผ่านโค้งทางชันในตอนค่ำซะอย่างนั้นเอง
ปกติเหมือนทุกที่ คือต้องมีการต่อรองค่าทึ่พักกันก่อน..หลังจากนั้นก็..ติดต่อและต่อรองค่าไกด์นำทาง ค่าไกด์โหดมาก ระยะสั้นก็ 50 $ ไปแล้ว ปานกลางก็ 65$ ท่าจะไม่ไหวม้าง แต่ก็ขอดูระยะยาวหน่อยสิ 75$ จ๊าก จะไหวไหมเนี้ยะ
แต่ละแบบมันมีอะไรบ้าง
shot trip ก็เดินขึ้นถึงปากปล่อง มีอาหารเช้าให้ทาน เป็นแซนวิส ไข่ต้ม(หมกความร้อนภูเขาไฟ) แล้วกล้วยหอม (หมกภูเขาไฟอีกเช่นเดียวกัน)
medium trip ก็มีเหมือน shot trip แหละแต่ได้เดินรอบด้วย
long trip ละก็พาไปทำอาหารเทียง แล้วก็เอาเราไปหมกทายภูเขาไฟ...ใช้เวลากว่าจะลงก็บ่ายๆ
ฟังแล้ว อยากได้แบบ medium แต่ราคาขอบอกว่ารับไม่ได้ งั้นต้องต่อรองหน่อย
ต่อกันสองรอบ พักครึ่งด้วย ที่สุดได้ที่ราคา 170,000 รูเปียร์ต่อคน คิดเป็นเงินไทยก็ 700 บาท เอาวะพอรับไหว หลังจากตกลงตัดใจแล้วก็ถึงเวลาจ่ายเงิน..เรายอมจ่ายค่าห้องพักเต็มราคา แต่ขอจ่ายค่าไกด์ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งจะกลับมาจ่ายหลังจากลงจากภูเขาไฟแล้ว ด้วยเหตุผลว่า เงินรูเปียร์ไม่พอ
ได้เวลาที่ต้องรีบหาอาหารบรรจุท้องกันแล้ว (โปรดจำไว้ว่าชาวบาหลีนอนเร็วนะ..ร้านค้าจะปิดเร็วมาก อย่านึกอยากกินข้าวต้มรอบดึกละ หาไม่ได้หรอก วันนี้ยังโชคดีนะ ถึงเวลาจะล่วงเลยมาเยอะเราก็ยังหาร้านอาหารได้ แถมได้อร่อยถูกใจด้วย..ที่อร่อยถูกใจคงเป็นเพราะเป็นข้าว+ไก่ทอดร้อนๆ อร่อยมาก(แบบว่าถูกปากมากกว่าทุกมื้อ) ราคาต่อคนก็ 15,000 รูเปียร์ก็ไม่แพงนะ

กลับถึงห้องต้องรีบนอนก่อนละพรุ่งนี้ทางโรงแรงจะมาปลุกตอนตีสามเพื่อจะไปรวมกลุ่มเพื่อขึ้นเขา กว่าจะมาปลุกจริงก็ ตีสามครึ่งแล้ว นูราก็ตื่นไปส่งเราที่จุด start ด้วยเช่นกัน
กว่าจะได้เริ่มเดินจริงๆ ก็ตีสี่กว่า ช่วงแรกเดินไปตามถนน ต่อด้วยป่าสน เราแซงกลุ่มอื่นที่บริเวณป่าสน และรวมพร้อมกันอีกครั้งที่กระท่อม ก่อนแยกกันเพราะไปกันคนละทาง เราเบี่ยงขวา(ชุดของเราขึ้นปากปล่อง)
เรากะว่าจะไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้น ขึ้นไปถึงยอดทันนะ แต่ว่า..หมอกจากอากาศที่เย็น ปะทะกับความร้อนจากปล่องภูเขาไฟ ทำเอาเราเปลี่ยนใจเลิกคิดถ่ายพระอาทิตย์ไปเลย

งั้นเดินไปดูวิธีการหมกกล้วย หมกไข่กันดีกว่า อิอิ ทางเดินต้องลงไปในปล่องนิดหนึ่ง..ไม่ยากอะไร แต่ระวังลื่นหน่อยนะ ไอหมอกกับละอองฝนทำพื้นลื่น แต่ตกไปจะแย่
ดูๆ ไป ขอเค้าหยิบกล้วยบ้าง..ปรากฏว่าเคาทำกล้วยเค้าเสียไปลูกหนึ่ง เนื่องจากความที่มันหมกนานไปหน่อยมันอ่อนตัว(ไม่เหมือนใส่กองไฟนะ เหมือนต้มมากว่า) พอเอาไม้เขี่ยะปุ๊บ บุบคาไม้เลย พอจะใช้มือล้วงไปหยิบก็ร้อนจัด ไม่ไหวมือแทบพอง...

มือเช้าเราก็ได้ ไข่และกล้วยที่หมก บวกกับ bali coffee หมอกยังไม่ยอมจาง งั้นก็หาอะไรทำกันดีกว่า...ตามประสาชาวเรา ง้าน เอ้าโดด
โดดเล่นจนได้เพื่อนใหม่ หน้าตี๋เป็นชาวมาเล คุยกันว่าจะมาแลก fb กันที่โรงแรม
(เหอๆทันสมัยซะไม่มี)
เมื่อได้เวลาก็เดินกันต่อ เราต้องแยกกับชุดอื่นเพราะซื้อทริปมาไม่เหมือนกัน (อ๋อลืมบอกเราซื้อ medium trip นะ(ราคาที่บอกนั่นแหละ) เอาละสิ คนนำทางชักจะเริ่มงี่เง่าแล้ว จะพาเราลงซะงั้น เราบอกเราได้ได้เดินรอบด้วยสิ ของเรา medium trip นะ ท่าทางคนนำทางของเรา(ไม่อยากเรียกว่าไกด์เลย)เพราะคงเป็นชาวบ้านผู้หญิงคนหนึ่งมากว่า ที่จะเป็นคนที่มีบัตรไกด์ ก็คุณเธอไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับเราเข้าใจได้(ไม่ใช่ความผิดเรา อิ้ว) สุดท้าย ก็ต้องหันไปปรึกษากับอีกคน(คนนี้แหละนำเราขึ้นมา) สรุปว่า ยอมพาเราเดินอีกเกือบๆ กิโล ไปถึงจุดชมปากปล่องอีกจุดค่อยพาลง ก็ยังดีวะ เอาไว้ก่อนละ
ระหว่างลง เราเริ่มงี่เง่าบ้าง(เค้าคงคิดอย่างนั้นนะ)เพราะเราหยุดเก็บภาพมุมโน่นนี่ไปเรื่อยตามประสาคนชอบ่ถายภาพ จนต้องเร่งแล้วเร่งอีก
มาถึงจุด start เจ้เอ้ กับนูร่า รออยู่แล้ว (ลืมบอกว่าเจ้แกเดินไม่ไหว ทริปนี้ถูกเจ้พัชหลอกมาเดินป่า ปกติถนัดแต่เดินห้าง)

หลังจากอาบน้ำ นั่งพัก และแลก FB กันเสร็จแล้ว เราออกจากที่พักตอนเกือบๆ เที่ยงเพื่อให้ สมาชิกท่านเดียวของเราได้ทำละหมาดตามหน้าที่บ่าวที่ดีขององค์อัลเลาะ

เป้าหมายต่อไป....Pura Besakih วัดใหญ่บนเชิงเขาซึ่งเป็นที่ขาวบาหลีถือศักดิ์สิทธิ์ ส่วนนักท่องเที่ยวถึอเป็นโปรแกรมต้องไปให้ได้
เมื่อไปถึงเราก็ได้เจอ อย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย









บันทึกการเดินทางฉบับเต็ม http://www.jaikonjaunt.com/board/index.php?topic=105.0

ไม่มีความคิดเห็น: