วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แดนฉิมพลีที่ภูเมี่ยง ตอน๓ ความประทับใจ

วันนี้เราเริ่มออกจากแหล่งน้ำแล้ว...
ลืมบอกไปว่าที่พักเมื่อคืนคือจุดที่ใกล้แหล่งน้ำที่สุด ของการเดินช่วงแรง...จากนี้จนเลยยอดภูเมี่ยงไป เราจะไมเจอแหล่งนี้อีกเลย จะเจออีกที ตอนขาลง ในช่วงบ่ายๆ ของวันนี้
สำหรับคนที่ต้องการจะขึ้นไปนอน บริเวณยอดภูเมี่ยง(แดนฉิมพลี) ลูกหาต้องลงไปตามร่องเขาเพื่อ รองน้ำจากแหล่างน้ำซับที่อยู่ต่ำลงไปจากยอดภูเมี่ยงพอสมควร
เพียงแค่เริ่มเดินทาง เราก็แยกกำลังออกเป็น 2 กลุ่ม ผมอยู่ในกลุ่มแรง คอยตามดูแลสาวๆ

พงษ์ วัต อยู่ชุดหลังคอยคุมบรรดาช่างภาพประจำทริปของเราให้รักษาเวลา
ตัดขึ้นเนินปราบเซียน ช่วงสั้น ๆ เพียงแค่ 1500 เมตร ที่ชันยิ่งกว่าที่ผ่านมา

เมื่อวาน..ทำเอาหลายๆคน เดินได้ 4 ก้าวหยุด 5 ก้าวพัก แม้จะเชื่องช้าไปบ้าง..แต่ว่าทุกคนก็ยังคงทำเวลากันไปด้วยดี พอพ้น เนิน 5 มาได้ ในช่วงเนินที่ 6 เราก็เข้าสู่การเดินไปตามสันเขา มีลมโชย เย็นๆ มาเป็นระยะ ในระหว่างเดินผ่านเนินที่ 7 เหิรเวหา กลับมาเจอทางชันอีกช่าง แต่ พอขึ้นมาถึงข้างบนได้ก็สบายละ.. พักทานข้าวกันที่เนินที่ 8 รอแล้ว รอเล่า กลุ่มหลังก็ยังไม่ตามมาซะที ก็เลย เดินล่วงหน้า เก็บ 4 ผาที่เหลือก่อนละ
ผาที่ 1 ผาเริงรมย์ อยากให้ชม tresenter ทั้งสองของเรานะครับว่าเริงรมย์ ขนาดไหน... ตั้งแต่ผาเริงรมไป เราจะได้เจอ ดอกลิ่นลี่ป่าไปเป็นระยะๆ ตลอดทาง จนถึงแดนฉิมพลี เป็นบริเวณที่ มีดอกลิ่นลี่ให้ชมตลอดทาง ระหว่างนั้น
ผาที่ 2 ผาแดง จุดเด่นบริเวณนี้คือ หินมีสีแดงเข้ม จัดจ้านดีตัดกับไอหมอกที่ลอยมาปะทะเป็นอย่างยิ่ง
แล้วก็ถึงเวลาแนะนำผาที่ 3 ผาชมหมอก..จุดนี้เป็นจุดที่สวยมาก...เหมาะแก่การนั่งพักเหนื่อยชมสายหมอก และทิวทัศย์เป็นอย่งยิ่ง
และสุดยอด ก่อนถึงยอดสุด..ผาที่ 4 ผาวัดใจ..
มีแต่เพื่อนๆ ในทริปโวย...จะมาวัดอะไรกันตอนนี้..
เพราะที่ผ่านมา ยังไงซะข้างหน้าเราก็จะผ่านไปให้ได้ แล้วมันก็ไม่เกินความสามารถอะไร สุดท้าย ยอดภูเมียงก็เพียงให้เราพิชิต..
พลาดไม่ได้กับบรรยากาศการถ่ายรูปคู่กับป้าย "ผู้พิชิตยอดภูเมียง".. เพราะเราตั้งใจไว้แล้วว่าครั้งเดียวในชีวิตที่ มาพิชิตยอดภูเมี่ยง..เมื่อภาพที่ได้เพียงพอ..ไปต่อกันที่แดนฉิมพลี
ณ จุดที่พักนี่เอง เรานั่งรอสมาชิก ร่วมทริป ชุดหลัง ร่วม 2 ชั่วโมง
นั่งรอตั้งแค่ บ่ายโมงนิดๆ กว่าเพื่อนๆ จะมาถึงกันก็ เกือบบ่าย 3 แล้ว
แย่ละ..ทางเดินจากนี้ อีกไกล มาก กว่าจะถึงที่พักของเรา ที่น้ำตก ...จะไปถึงทันไหมเนี้ยะ...
เมื่อเราเจอครบทีม ถ่ายรูปร่วมกัน ... ก็เริ่มกำหนดแผนการเดินทางกันทันทีแผนใหม่ตอนนี้กำหนดว่า
พงษ์ จะคอยดูแลชุดหลัง
หวาน วัต คุมสาวๆ ชุดหน้า...
ผมคอยประกบดูแลพี่เจี๊ยบเป็นพิเศษ..
ที่ต้องแบ่งขุมกำลังเช่นนี้เพราะทางเดินต่อจากนี้ อีกไกลมาก และเราต้องเร่งทำเวลากันแล้ว
ซึ่งแต่แต่ละกลุ่มก็ เดินไปด้วยกัน แต่แยกหน้าที่อิสระต่อกันเพื่อให้ถึงเป้าหมาย
ผมสังเกตุความผิดปกติหลายอย่าง ที่บอกให้ทราบว่าพี่เจี๊ยบ ไม่ชำนาญในการเดินป่า...จนทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องแนะนำในการจัดและรัดเป้ให้กระชำ การเลือกตำแหน่งวางเท้าในการเดินทางชัน แต่กระนั้น พี่เจี๊ยบก็ยังตกในการเดินได่ต้นไม้ช่วงหนึ่ง ทำให้สุดท้ายผมต้องตัดสินใจ ดึงเชือกออกจ้าเป้เพื่อให้พี่เจี๊ยบใช้ดึงรั้งในการลงทางชันที่ดงกล้วย เพระ กลุ่มหน้าได้เดินและลื่นจนแม้แต่ผมเองยังหาจุดวางเท้าลำบาก
ซึ่งก็ทุรรักทุเล พอสมควรแต่เราก็ผ่านไปได้
ในช่วงของการเดินตามสารธารในป่า พี่เจี๊ยบเริ่มเดินได้ดีขึ้น จนกระทั่งตามทันสาวๆ ที่จุดพักตอนหนึ่งริมน้ำตกในยามใกล้พบลค่ำเต็มที..
ณ จุดนี้.เรารื้อเสบียงออกมาแจกจ่ายกันกิน...และเปลี่ยนแผนใหม่
โดยครั้งนี้เราแยกเป็นสองกลุ่มผมรีบไปกับชุดหน้า
พงษ วัต อยู่กับชุดหลัง เพราะทั้งสองมีทักษะพอจะดูแลเพื่อนๆ ได้...และมีโอกาสที่ต้องเดิน night trail กันแน่ แต่นุ๊กไม่เคยแม้จะเดินป่ามาก่อน มีพี่ลูกหาบดูแลเป็นพิเศษ ด้วยความพยายามในการทำเวลา เราถึงจุดวางแค้มป์ในช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม และเร่งรีบดำเนินการจัดเตรียมที่หลับที่นอน..และหุงหาอาหาร ไม่นานนัก กลุ่มหลังก็ค่อยๆ ทยอยกันตามมา..ด้วยการใช้แสดงไฟฉายเป็นเครื่องนำทาง...
ตอนดึกของคืนนั้น ..ฝนแทลงมาทำให้บางคนได้นอนเตียงน้ำ..หรือไม่ก็ย้ายตัวมาเป็นปลาทู..
เข่งปลาทูซึ่งอยู่บนหัวเต้นท์ที่ผมนอน บางขณะก็มีชิ้นส่วนหนักๆ ของใครบางคนที่..ไหลมาตามพื้นเอียงผมต้องดันออกเป็นระยะๆ
แล้วเช้าวันใหม่ก็คืบคลานเข้ามา..จากการสำรวจความเสียหาย ปรากฏว่า ปลาทูท่านใดไม่ทราบ ทับเสาเต็นท์ผมจน แตกไป 1 ท่อน (คราวหน้าไม่มีเต้นท์ใช้แล้วสิ ) แต่ไว้ค่อยแก้ปัญหากัน.. วันนี้เราต้องเดินอีกไกลกว่าจะออกไปพ้นเขตภูเขา
พอเริ่มออกเดินทางก็เจออุบัติเหตุเล็กน้อย คือชุดหน้าเดินไปกระทบเข้ากับรังแตน โชคยังดีที่คนที่เดินชนคืนตั๊มซึ่งใส่เสื้อแขนยาว คลุมฮูตเสื้อแจ๊กเก็ต ทำให้โดนไปไม่มากนัก แต่ก็กระทบถึงเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้ผ่านจุดนั้นต้องตัดทางใหม่ ซึ่งต้องวกขึ้นสุง ปีนทางชัน เพื่อเลี่ยงเตนที่แตกรัง เราพักทานอาหารเที่ยงที่จุดหนึ่ง และตัดออกสู่ทุ่งโล่งและผ่านนาขั้นบันไดและไร่ของชาวบ้านเพื่อออกสู่ถน
กว่าจะ..อาบน้ำชำระร่างกาย และเล่นน้ำเพื่อพักผ่อน..เราออกจาก ที่ทำการฯ หน่วยคลองตรอนก็เย็นมากแล้ว
แต่การเดินทางของเรา ยังอีกไกล ระหว่างทางกลับกรุงเทพ ยังมีอะไรให้จดจำ อีกมาก ขอฝากให้ไปติดตามดูภาพกันในบอร์ดนะครับ http://www.jaikonjaunt.com/board/index.php?topic=153






แดนฉิมพลีที่ภูเมี่ยง ตอน๒



ระหว่างทาง และจ่ายตลาด ทานมื้อเช้ากันที่น้ำปาด หลังจากนั้นก็ เดินทางไปหน่วยฯ. คลองตรอน เปลี่ยนชุด จัดกระเป๋าเป้ ... จุดนี้แหละที่วัตทำนุชหวั่นไหว.. แล้วก็ไม่มีใครอาสารับผิดชอบชีวิต(คิดถูกหรือคิดผิด ที่ตัดสินใจมา เดินทางล่วงหน้า 1 วัน เพาะเพื่อนดันบอกวันผิด อิ้ว...)ว่าแต่เห็นเป้วัตแล้ว ยอมเลย

ผมรองท้องด้วย ทุเรียนอร่อยๆ ที่ซื้อมาจากตลาด ขณะที่เพื่อนทานข้าวเหนียวไก่ย่างและแบ่งห่อสำหรับมื้อเที่ยง
กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง ก็ 11 โมงแล้ว..
เอ้าเดินทำเวลาเข้าเด่วจะมืด ช่วงแรกเดินไปตาม ถนนลูกลังที่ตัดขึนไปเพื่อชมน้ำตก...
จุดแรกที่ นับเนินคือ จุดที่เราแยกยากน้ำตกนั่นแหละ ..แหม ให้ซ้อมเดินซะไกลเชียว..
ประเดิมเริ่มต้นที่เนินแรกกันด้วย สายฝนที่หนาเม็ดขึ้นทุกที...ณ.จุดพักก่อนเริ่มขึ้นเนินแรดผมดอดเสื้อออกมาบิดน้ำประชดซะเลย... เสื้อจะได้ไม่เปียกโชกนัก
แล้วก็ได้เวลาเดินฝ่าสายฝนกันต่อ..ขึ้นเนินชัน ช่วงยาวเล่นเอาหลายคนหยุดหอบเป็นพักๆ

แล้วจุดที่เป็น จุดชี้ชะตา ของเราก็มาถึง...บันใด
"เฮ้ย เหนื่อย นี่ต้องเจอบันใดกันตั้งแต่ต้นเลยเหรอเนี้ยะ
น้ำตกสวยๆ มีให้ดูตอลดทางลื่นบ้าง ชันบ้าง ตามทางที่ต้องผ่าน

แล้วค่ำคืนของวันแรกนั้น เราก็พักกันแค่เนิน 5 เพราะว่าถ้าจะเดินให้ขึ้นถึงยอดก็ค่ำแน่ๆ
สอบถามมข้อมูลจากพี่แมว Staff TKT ทีเชียวชาญเรื่องการเดินป่าและโรยตัวบอกว่า"
ตอนนี้ก็สี่โมงกว่ ถ้าทำเวลาเต็มที่เห็นจะถึงที่หมายใกล้ๆ สองทุ่ม" หันซ้ายหันขวาดูสมาชิกแต่ละคน
ขวัญท่าทางจะยังไหวอยู่
แบ๊ส..ก็ท่าจะไปได้แม้จะลื่นบ้าง
ตั้ม..ลื่มมาหลายรอบแล้วนะ ท่าทางจะไม่เหมาะกับ Nighttrail
นุ๊ก..เห็นยิ้มแล้ว รู้เลยว่าใจสู้...แต่ท่าจะไม่เคยกับการเดินป่ามาก่อน กลางคืนคงไม่ต้องพูดถึง
หวาน..คนนี้ยังพอเบาใจได้..ผ่านอะไรกันมาเยอะ น่าจะเอาตัวรอดได้ แม่จะช่วยใครไม่ไหวก็ตามที
....
ท่าจะไม่ไหวมั้ง การเดินทางกลางคืน เลาะตามสันเขา หน้าผาที่ชัน+ลื่น ไม่อยากฝึนสมาชิก .
ประเมินโดยรวมแล้ว ไม่เสี่ยงดีกว่า งั้นคืนนี้พักกันที่นี่แหละ เอามันใกล้ๆ กรุ๊บพี่แมว..อุ่นใจดี

ตัดสินใจได้ก็จัดเตรียมสถานที่...พอพี่ลูกหาบมาถึง สอบถามชุดหลัง ทราบว่ายังอีกไกล ท่าทางบางคนจะไม่ไหวด้วย
งั้นฝากหน้าที่เรื่องหาฟืนก่อไฟให้พี่ลูกหาบช่วยจัดการให้ ที่เหลือ จัดพื้นที่กางเต้นท์กันเลย เด๋วลงไปดูชุดหลังหน่อยเผื่อจะช่วยอะไรได้..

หลังจากวิ่งลงมาถึงเนิน 4 ยังไม่มีวี่แววใครเลย เฮ้ย เย็นแล้วนะ ยิ่งเป็นห่วงมากกว่าเดิมเพราะในป่ามืดเร็ว คราวนี้วิ่งลงเลย...ไปเจอพงษ์ สอบถามได้ความว่า" ชุดหลัง เดินกันไหว แต่พี่เจี๊ยบล้มไปสองรอบ ที่ช้าเพราะแวะถ่ายรูปเล่นน้ำ"
ผมยังถามย้ำว่าต้องลงไปช่วยไหม..พงษ์บอกไม่ต้อง งั้นก็ค่อยๆ เดินมาพร้อมกับพงษ์ ถึงที่พัก กองไฟท่ามกลางสายฝน ถูกพี่ลูกหาบก่อขึ้นเรียบร้อยแล้ว...เราใช้กองไฟหุงข้าวอย่างเดียว เพราะ ความที่ฝนตกตลอดเส้นทางทำให้ฟืนเปียก ก่อไฟได้ยาก
กับข้าวจึงใช้เตาแก๊สในการปรุง
โดย มีพี่เจ หวาน นุ๊ก ขวัญ ตั้ม ช่วยกันคนละไม้ละมือ
ทำให้มื้อค่ำอิ่มหนำสำราญ และเกลี้ยงฉาดทุกหม้อ...
มือเช้าก็ได้พ่อครัว แม่ครัวชุดเดิมประเดิมงาน
แถมด้วยข้าวห่อใบไม้ไปกินระหว่างทาง

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แดนฉิมพลีที่ภูเมี่ยง



แดนฉิมพลีที่ภูเมี่ยง
ทริปเฮฮา สารพัน เพื่อนกันเอามันส์ไว้ก่อน...
หารเฉลี่ยค่าทริป แต่แพงลิบค่าเครื่องดื่ม...

ไม่มีอะไรมาก เป็นทริปที่ใครๆ ก็อยากไป ยกเว้น "ตั๊ก พิโลก" ที่บอกชัดเจนว่า "ขอรออยู่ตืนภูนะเพื่อน"

"๑๐ ภูกระดึง ไม่เท่า ๑ ภูเมี่ยง" เสียงของวัต บอกมามา ขณะที่ จัดเสื้อภาพเตรียมขึ้นภู ทำเอานุ๊กหน้าสลด
นุ๊กบอกว่า"เพื่อนชวนไป ภูกระดึง นุ๊กไม่กล้าไปกลัวเดินไม่ไหว แต่ขวัญชวนมาเดินภูเมี่ยง...นุ๊กมาเพราะไม่รู้ว่าภูเมี่ยงเป็นอย่างไร"
น้องใหม่เปิดทริปเดินป่าครั้งแรกที่ภูเมี่ยง ภูที่หลายคนเปลี่ยนคำเรียกเป็น ภูเดี้ยง แล้วเพื่อนจะเป็นพี่เลี้ยงได้ตลอดทริปไหม

ขบวนบันเทิงในทริปนี้ คือ 107 โบกี้ 8 เส้นทาง กรุงเทพ-เด่นชัย กำหนดการ รถออกสองทุ่มสิบ นาที สมาชิกที่จะไปด้วย
สถานีหัวลำโพง พงกับวัติ มัวแต่ทำไรกันอยู่ไม่รู้ รถไฟถึงออก เกือบสามทุ่ม
สถานีบางซื่อ ตั้มกับเพื่อนและกิต
สถานีดอนเมือง ตามกำหนดการ นู๋ขวัญ นุ๊ก ตาเจ หวาน ไท พี่เป้ แต่ เฮ้... ขณะนี้ สองทุ่มครึ่ง เวลานัดหมาย
** "ไทอยู่ไหนครับ ผมถึงสถานีรถไฟดอนเมืองแล้วนะครับ.."เสียงจากลำโพงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมา ขณะกำลังยืนดูเม็ดฝนอยู่บนสะพานลอย
"ผมอยู่ สน.ดอน อีกป้ายก็จะถึงครับ ตอนนี้ติดฝนอยู่บนสะพานลอย กำลังพยายามหาทางลัดไปครับ"กรอกเสียงแข่งกับลมฝน ผ่านไมค์โทรศัพท์ เพื่อบอกความคืบหน้า หลังจากนั้นก็ ฝ่าสายฝน เลาะขอบข้างร้านค้าริมทางรถไฟ จนถึงสถานี ว่าไปก็พอดีงสถานี ก็เปียกโชก...
ลงสะพานลอย..เห็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งยืนอยู่ริมทาง ข้างๆ มีเป้ใบใหญ่เหมือนเตรียมออกทริปที่ไหน ผมจึงทักไปว่าใช่พี่เป้ไหม..."ไม่ใช่ครับ คุณหาใครเหรอครับ" "ขอโทษครับ นึกว่าเพื่อนที่จะออกทริปเดินป่าด้วยกัน" เห็นว่าหน้าตาดีดี มีบุคลิก ที่ไหนได้ใครก็ไม่รู้ ก็ไม่เป็นไรครับ ขอโทษกันไป แล้วก็โทรถามดีกว่าว่าพี่เป้อยู่ไหน..
สรุปพี่เป้รออยู่ แถว ๆ หน้าห้องน้ำ อย่างนั้นเดี๋ยวผมไปหา คราวนี้เจอละ ผู้ชาย สูง ผิวขาว ใส่แว่น ตรงกับที่พงษ์บอกมาทุกประการ (ก็ตรงกับบุคลิกคนที่ทักก่อนหน้านั้นด้วยแหละ) "พี่เป้ใช่ไหมครับ" ผมรีบทักไปก่อนจะถึงตัว.."ใช่ครับ" โล่งครับเจอกันแล้ว แล้วคนอื่นๆ ละ ยังไม่มีใครมาเลย หวานกำลังรอฝนซาหน่อย ตอนนนี้ยังไม่ออกจากบ้าน ส่วนขวัญรอเพื่อนอยู่...
คุยทำความรู้จักเบื้องต้น ได้ความว่า พี่เป้ใบใหญ่ ชื่อเล่นว่าพี่หนึ่ง แต่ตลอดทริปเราก็เรียกสลับกันไปทั้งสองชื่อ ซึ่งก็เป็นปกติของการออกทริปกับเพื่อนใหม่ใน TKT ซะแล้วที่นิยมเรียกชื่อ login กันมากว่า รอหวานมาอีกคน ก็หาอะไรทานรองท้อง เพราะรถไปเพิ่งจะออกจากหัวลำโพงเอง...กระทั่งรถไฟมา ขวัญกับเพื่อนก็ยังมาไม่ถึงเมื่อเราขึ้นรถไฟ ได้เจอกับพงษ์วัติและเพื่อนๆ ที่ขึ้นมาจากสถานีก่อนหน้าครบแล้ว ก็ได้เวลาสอบถามหาสมาชิกที่จะขึ้นสถานีดอนเมืองแล้ว พงษ์โทรไปถามขวัญ ได้ความว่า เห็นรถขบวนนั้นออกจากสถานีไป...โถ มาถึงสถานีแล้วก็ไม่รีบบอกันซะก่อน... ส่วนพี่เจ วัติบอกว่า เจ้าตัวยังมาไม่ถึง... เอาแล้วไง ทริปนี้ สมาชิกสามราย ตกรถไฟ..
ระหว่างนั่งรถไฟ เราไม่มีอะไรสามารถทำได้ดีไปกว่าหาเรื่องคุยคั่นเวลา และเร่งเพื่อน ให้รีบมาดักสถานีในสถานีหนึ่งข้างหน้า ให้ทัน...นั่งคุยสังสรร กันไป เบียร์อุ่นๆ น้ำเข็งก็ไม่มี จิบกันไปเรื่อยๆ คนนั้นที คนนี้อึก ที่ไหนได้ หายไปครึ่งถาดแล้ว... พงษ์ชักทนไม่ไหว"วัติไปซื้อ น้ำแข็งมาถุงสิ" วัติหายไปพักใหญ่ เดินเซตามแรงกระชากของรถไปกลับมา บอกว่า เขาไม่ขาย "ขายสิ.. ทำไมจะไม่ขาย เด๋วดู "พงษ์ออกอาการขัดใจ เพราะเบียร์ไม่เย็น เดินไปตู้เสบียง สั่งซื้อยำแหนม มาจานหนึ่งแล้วหิ้วน้ำแข็งกลับมาสองถุง... โอ้!!! เยี่ยมมาก เราได้จิบเบียร์ใส่น้ำแข็งกันแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าเบียร์จะเย็นนั้นเหรอ มันเย็นไม่ทันหรอกครับ แต่ดีกว่า ที่ไม่มีน้ำแข็งละ สักพักพงษ์บอกให้วัติไปรับยำแหนมที่สั่งไว้ มากินเป็นกับแกล้มกันหน่อย
แล้วเบียร์อีกครึ่งถาดก็หมดไปอย่างว่องไว.. ดูเวลาที่ไหนได้ ตี 2 แล้ว เราคุยกันเพลินไปรึเปล่า แยกย้ายพักผ่อนดีกว่า พงษ์โชว์ทักษะ ไปเวนคืนที่นั่งที่เราจอง มานอนได้อีกหนึ่งที่...

สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกที..เกือบเช้า เฮ้ยนี่เราเลยป้ายหรือเปล่า .. ด้วยความกังวง ทุกคนเลยตื่นขึ้นมาช่วยดู สรุปเรายังไม่ถุงป้าย แต่ใกล้ถึงละ อ้าวแล้วทำไมต้องตะลึงกันขนาดนั้นด้วยละ ..ก็...เวลามันช้ากว่ากำหนดการณ์ ร่วมชั่วโมงแล้วครับ ก็ต้องสะดุ้งกันบ้าง
ถึงที่หมาย ถ่ายรูปเล่นๆ กันนิดหน่อย
พบตาเจ และสองสาว กับพี่เจ้าหน้าที่ที่มารอรับ...จัดของเสร็จเรียบร้อยขึ้นรถไปหน่วยกันเลย ดูๆ ไปก็แปลกๆ นะ เป้ ยัดใส่หลังแคปรถพี่เจ แต่คนมาเบียดกันอยู่ท้ายรถเจ้าหน้าที่ ที่ไม่มีหลังคา มีแต่พี่เป้ กับหวาน ที่ไปนั่งเป็นเพื่อนเจ้าหน้าที่ พอแวะเข้าห้องน้ำระหว่างทาง เราก็..กระโดดไปนั่งหน้า รักษาความสมดุลซะหน่อย..

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

น้ำตกโกรกอิดก ล่ำลือ ชี่เสียงทีลอซูน้อย แห่งสระบุรี

เปิดกันแปลกๆ หน่อย ด้วย คลิปการเดินทาง

ร่ำลือ ชื่อดัง น้ำตกโกรกอิดก
บ้างบ้างเดินไกล บ้างว่างไปเมื่อไหร่ก็หลง
บ้างว่าผีดุ :o
แต่ที่รู้ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า เส้นทางน้ำตกโกรกอิดก เป็นสวรรค์ของบรรดานักถ่ายภาพมาโคร
ด้วยระยะทางเดิน ประมาณ 4 กิโลเมตร
เส้นทาง ข้ามน้ำ เป็นระยะๆ สามารถหยุดชมความงาม ของสายน้ำหรือบรรดาแมลง เห็ดต่างๆ ที่ชุกชุม โดยเฉพาะเห็นแชมเปน และเห็ดขน
เรียกว่า ที่นี่เป็นสวรรค์ของ บรรดา ผู้ที่ชอบถ่ายมาโครเลย
ออกจากลานจอดรถ ก็ข้ามน้ำกันก่อนเลยทีเดียว





ทริปนี้เป็นทริปแรก ที่ได้ร่วมเดินทางกับต้วมเตี้ยมคลับ
นักหมายกับชาวต้วมเตี้ยม ที่ lotus รังสิต ตอน 7:15 ของวันเสาร์ แต่ว่า...รถเมย์ออกจากบ้านนอกอยู่ไหนว่า กว่าจะถึง ประเดิมทริปแรกเจอหน้าด้วยการไปสายซะเลย...
รถสองแถวป๋าก้อง เครื่องแรงมากกกกกกก
ดริฟ ยิ่งกว่า อกิละ ซะอีก(ป๋าไม่นึกถึงคนนั่งหลังบ้างเลยนะ)

ด้วย step การทำเวลาในการเดินทาง
แวะทานเข้ามื้อเช้าที่นครนายก และพร้อมเดิน เมื่อเวลา 11 โมงตรง

ชิลๆ โอ้ย คนนั้นเสื้อกันฝน คนนี้ถุกกันทาก :o จ๊าก
นี่เหรอชิล









ทริปนี้เจอกล้วยไม้ สวยๆ ด้วย แต่เจอแค่จุดเดียวนะ เป็น กล้วยไม้ตระกูลเอี้ยงเม็ดดุม
ดอกเล็กว่าหัวไม้ขีดไฟ แต่ก็มีความงามที่โดนใจ เพราะไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน



วันนี้ น้ำเยอะกว่าครั้งที่เคยมาครั้งก่อนมาก
การถ่ยภาพ น้ำตกโกรกอิดกให้พริ้วไหว ก็ทำได้ยากขึ้น กล้องคอมแพค อย่างผม หมดสิทธิ์ ปล่อยให้บรรดา กล้องโปรๆ จากสมาชิกต้วมเตี้ยมดำเนินการไป












ดูเพิ่มเติม

สั้น ลุย ตามประสา เท้ากีบ โกรกอิดก น้ำตก+สายฝน -

สวยๆ แจ่มๆ เนียนๆ ตามแบบต้ามเตี้ยมคลับ (ใครอยากดูรูปสวยๆ เชิญที่บอร์ดนี้เลย)

กระทู้แจม ภาพถ่ายการเดินทาง สู่น้ำตก โกรกอิดก ทริปศึกษาธรรมชาติและวิชาการ การถ่ายภาพ

และบันทึกในแบบ ใจคนจร โกรกอิดก น้ำตก+สายฝน